ฟังก์ชันนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ แต่ละแบบก็มีการตั้งชื่อไม่เหมือนกัน ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของฟังก์ชันซึ่งเราจะไปดูว่าฟังก์ชันเอกซ์โพนเนนเชียลนั้นมีรูปแบบอย่างไร ก็ต้องไปดูนิยามของมันครับ ว่านิยามของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลนั้นเป็นอย่างไร
| 
นิยาม ฟังก์ชันเอ็กซ์โพเนนเชียลคือ ฟังก์ชัน | 
จากบทนิยามของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล ฟังก์ชันนี้มีรูปแบบในรูปของเลขยกกำลัง โดยฐานของมันต้องมากกว่า 0 และฐานต้องไม่เป็น 1  ตัวอย่างของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลเช่น
ตัวอย่างข้างต้นเป็นตัวอย่างของฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลครับ ซึ่งมีมากมายครับ นี่เป็นแค่ส่วนหนี่งเท่านั้นครับ
ต่อไปเราลองมาพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ครับ
ตัวอย่างที่ 1 จงเขียนกราฟของฟังก์ชัน y=3x 
การที่เราจะเขียนกราฟได้เราต้องกำหนดค่า x ขึ้นมาก่อน แล้วหาค่า y ครับ ดังนี้
ถ้า x=−2  จะได้
จาก y=3x  แทน x ด้วย -2 ได้ว่า
นั่นคือ ถ้า x=−2  ได้ว่า y=19 
ถ้า x=−1  จะได้
จาก  y=3x  แทน x ด้วย -1 ได้ว่า
นั่นคือ ถ้า x=−1  ได้ว่า y=13 
ถ้า x=0  จะได้
จาก  y=3x  แทน x ด้วย 0 ได้ว่า
นั่นคือ ถ้า x=0  ได้ว่า y=1 
ถ้า x=1  จะได้
จาก  y=3x  แทน x ด้วย 1 ได้ว่า
นั่นคือ ถ้า x=1  ได้ว่า y=3 
ถ้า x=2  จะได้
จาก  y=3x  แทน x ด้วย 2 ได้ว่า
นั่นคือ ถ้า x=2  ได้ว่า y=9 
นำค่า x และค่า y ที่ได้มาเขียนลงในตารางเพื่่อเตรียนการพลอตกราฟขึ้นมาครับ
จากตารางจะได้คู่อันดับ
นำคู่อันดับไปพลอตกราฟครับ ก็จะได้กราฟดังนี้ครับ
เส้นกราฟจะไม่เตะแกน x น่ะครับแต่จะเข้าใกล้แกน x เรื่อยๆ เมื่อค่าของ x ลดลงครับ
ตัวอย่างที่ 2 จงเขียนกราฟของฟังก์ชัน y=(14)x 
การที่เราจะเขียนกราฟได้เราต้องกำหนดค่า x ขึ้นมาก่อน แล้วหาค่า y ครับ ดังนี้
ถ้าให้ x=−2     จะได้ค่า y คือ
นั้นคือ ถ้าให้ x=−2  ได้ y=16 
ถ้าให้ x=−1  จะได้ค่า y คือ
นั่นคือ ถ้าให้ x=−1  จะได้ y=4 
ถ้าให้ x=0  จะได้ค่า y คือ
นั้นคือ ถ้าให้ x=0  จะได้ y=1 
ถ้าให้ x=1  จะได้ค่า y คือ
นั่นคือ ถ้าให้ x=1  จะได้ y=14 
ถ้าให้ x=2  จะได้ค่า y คือ
นั้นคือ ถ้าให้ x=2  จะได้ y=116 
จากนั้นนำค่า x และ y ที่ได้มาเขียนลงในตารางคับ จะได้
นำคู่อันดับในตารางเป็นพลอตกราฟ ก็จะได้กราฟดังรูปข้างล่างครับ
กราฟจะไม่เตะแกน x น่ะคับ แต่จะเข้าใกล้แกน x  เรื่อยๆคับ
จากตัวอย่าง 2 ข้อที่ผมได้ยกตัวอย่างให้ดูนั้น จะเห็นได้ว่า
ตัวอย่างที่ 1 ตารางของค่า x และ y    เมื่อ ค่า x เพิ่มขึ้น ค่า y ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และเมื่อค่า x ลดลง ค่า y ก็จะลดลงด้วย เรียก ฟังก์ชันในลักษณะนี้ว่า "ฟังก์ชันเพิ่ม"
ตัวอย่างที่ 2 ตารางของค่า x และ y  เมื่อค่า x เพิ่มขึ้น ค่า y จะลดลง และเมื่อค่า x ลดลง ค่า y จะเพิ่มขึ้น
เรียก ฟังก์ชันในลักษณะนี้ว่า "ฟังก์ชันลด"
ที่นี้มาดูหลักในการพิจารณาว่าฟังก์ชันเอ็กซ์โพเนนเชียลใด เป็นฟังก์ชันเพิ่ม และ ฟังก์ชันเอ็กซ์ชันโพเนนเชียลใดเป็น ฟังก์ชันลด
ฟังก์ชันเอ็กซ์โพเนนเชียลมีรูปแบบทั่วไปคือ y=ax  ถ้า ค่า a>1  ฟังก์ชันนั้นเป็น ฟังก์ชันเพิ่ม ตัวอย่างเช่น
แต่ถ้า ค่าของ 0<a<1   ฟังก์ชันนั้นจะเป็นฟังก์ชันลดคับ  ยกตัวอย่างเช่น